ปัจจุบันคนไทยติดหวาน เป็นหัวข้อที่เรามักตั้งข้อสังเกต และเข้าข้างตัวเองอยู่เสมอว่า “ไม่ได้ติด แค่ชอบทานหวาน” โดยที่ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วร่างกายคนเราต้องการน้ำตาลแค่ไหน และแค่ไหนถึงเรียกว่ามากเกินจำเป็น
ตามข้อมูลองค์การอนามัยโลก ได้ระบุไว้ว่า ปริมาณการบริโภคน้ำตาลที่เหมาะสม ไม่ควรเกิน 10% ของปริมาณพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน สำหรับคนไทยก็คือ ไม่ควรเกินวันละ 6 ช้อนชา (24 กรัม) แต่ที่น่าตกใจคือ สถิติที่ว่าคนทั่วไปบริโภคน้ำตาลในแต่ละวันมากกว่าในปริมาณที่กำหนดเป็นเท่าตัว และงานวิจัยหลายชิ้นบ่งชี้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ติดรสหวานโดยไม่รู้ตัว การติดรสหวานนอกจากจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นแล้วยังมีโทษอื่นอีก เช่น ทำให้ผิวหนังของคุณเสื่อมสภาพเร็วขึ้นเนื่องมาจากน้ำตาล ทำให้เกิดกระบวนการไกลเคชั่นในเนื้อเยื่อของร่างกาย ซึ่งหมายความว่ามันจะทำให้โมเลกุลผิวหนังเราเปราะบางลง นอกจากนี้น้ำตาลที่ให้ความหวานแก่เรายังนำพาเราสู่การเป็นโรคโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
โรคฮิตคนไทยจากการทาน “หวาน”
ใครจะคิดว่าการทานหวานจะนำพามาสู่โรคภัยได้ง่ายๆโดยที่เราไม่รู้ตัว สังเกตอีกทีเราอาจจะเป็นไปแล้ว ดังนั้นจึงควรทำความรู้จักกับโรคสุดฮิตที่คนไทยส่วนใหญ่เป็นกันอย่างแพร่หลาย เรามาดูกันดีกว่าว่าโรคฮิตจากทานหวานนี้คืออะไร!
ความดันโลหิตสูง
โรคความดันโลหิตสูง หรือในภาษาอังกฤษมีชื่อว่า Hypertension เป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยมีความดันอยู่ในหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติอยู่ตลอดเวลา ไม่ค่อยแสดงอาการแต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากผลข้างเคียงของโรคอื่นๆ อาจมีมึนงง วิงเวียน รวมทั้งมีอาการปวดศีรษะ สำหรับบางรายอาจมีอาการขั้นโคมาจนเสียชีวิตลง
สาเหตุ
- น้ำหนักที่เกินตัว
- สูบบุหรี่
- ดื่มสุรา
- ทานเค็มมาก
- ไม่ออกกำลังกาย
ความดันโลหิตสูง
เป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงกว่าปกติ น้ำตาลกลูโคสเป็นแหล่งพลังงานหลักของเซลล์ที่ได้จากการรับประทานอาหาร ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ร่างกายจะไม่สามารถสร้างอินซูลินได้เพียงพอกับความต้องการ หรือไม่สามารถนำอินซูลินไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง มีอาการอ่อนเพลีย กระหายน้ำมากขึ้น ปัสสาวะบ่อย น้ำหนักตัวลดลง
สาเหตุ
- น้ำหนักเกินและอ้วน
- ไม่ค่อยออกกำลังกาย ไม่ค่อยขยับร่างกาย
- ภาวะดื้อต่ออินซูลิน
3 สมุนไพรลดระดับน้ำตาล
หลังจากรู้กันไปแล้วว่าอาการ สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง และเบาหวานเป็นอย่างไร เราก็มาทำความรู้จักกับเรื่องใกล้ตัวอย่างสมุนไพรที่มีสรรพคุณลดน้ำตาล จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย!
มะระขี้นก
มะระขี้นก สารซาแรนติน (Charatin) ในผลมะระขี้นกที่มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด เพิ่มการหลั่งของอินซูลินจากตับอ่อน เพิ่มความทนทานต่อกลูโคสของร่างกาย และช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลในเลือด
อบเชย
อบเชย หรือชินนามอน (Cinnamon) ช่วยเพิ่มการหลั่งของฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
กระเทียม
กระทียม สารอัลซิลิน (allicin) เอทานอลที่อยู่ในกระเทียมสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยเพิ่มการหลั่งของอินซูลินได้
เป็นยังไงกันบ้างกับการรู้เรื่องราวการติดหวานของคนไทยที่นำมาซึ่งอันตรายที่เราอาจไม่รู้ตัว เรียกได้ว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวเรานี่เอง ดังนั้นควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน แต่ถ้าหากคุณอยากมองหาตัวเลือกดีๆที่จะช่วยคุณได้แบบไม่ยาก กินง่าย และปลอดภัยจากสินค้า 1577 แนะนำ คลิกที่นี่ แล้วคุณจะได้พบกับสุขภาพที่ดีกว่าเดิม!